Thursday, 4 December 2008

Life Museum in Thailand (Part 1)

I got this in Thais and i could not read Thais...
Therefore, i can't translate it in English...
For those who can read Thais, lucky you...!! ;D

it's in Wat (Temple) PraBat, Thailand...

วัดพระบาทน้ำพุ

วัดพระบาทน้ำพุกับบางเรื่องราวที่ไม่มีใครอยากรับรู้..
วันนี้อยากพาไปเที่ยวครับ..บางคนเคยร่วมบริจาคเงินให้กับวัด แต่ไม่เคยเห็นความเป็นไปในวัดนึกภาพไม่ออก จิตนาการไม่ชัด
แต่ถ้าได้เห็น ได้รับรู้ แม้เพียงไม่กี่ภาพความสุขใจจากการได้บริจาคเงิน ช่วยต่อลมหายใจให้กับผู้ติดเชื้อเอดส์ อาจมีเพิ่มมากขึ้นแม้เพียงน้อยนิด..ก็ยังดี

ภายในวัดค่อนข้างร่มรื่น โดยเฉพาะวันที่ฝนตกวันนี้เป็นวันหยุด ผู้คนมาเที่ยวหนาตา..

ไม่เงียบเหงาวังเวงเหมือนวันปกติ

บ้านพักหลังน้อยของผู้ป่วย เรียงเป็นแถวปานรีสอร์ทบ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ด้านหลังพิงภูเขา
คนปกติแม้มีเงินก็หมดสิทธิ์ที่จะมาอ้อนวอนขอเข้าอยู่อาศัยต้อนรับเฉพาะผู้ติดเชื้อไร้บ้านเท่านั้น
ชุมชนแหล่งสุดท้ายของผู้ติดเชื้อถูกขับออกจากบ้าน ไม่มีครอบครัว บ้างก็ถูกนำมาทิ้งไว้ที่โคนต้นไม้หน้าวัด
บ้างก็เสียชีวิตเพียงเข้าพักในคืนแรกด้วยร่างกายที่อ่อนแอ ถูกหอบหิ้วมาไกลแสนไกลจากภาคเหนือแถมถูกทิ้งให้นอนหนาวอยู่หน้าวัดตลอดคืน
กว่าเจ้าหน้าที่ของวัดจะไปพบในตอนเช้าก็สายเสียแล้ว..


พิพิธภัณฑ์ชีวิต.. บางคนบอกเป็นสุสานที่ไม่มีดินกลบหน้าหลายคนไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้หลายคนบอกดูแล้วกินข้าวไม่ลง
แต่หลายคนก็ได้แง่คิดติดกระเป๋ากลับบ้าน..


พิพิธภัณฑ์ที่นี่ไม่ได้มีไว้แสดงงานศิลปะไม่มีของที่มีค่า หรือของเก็บสะสมของใคร..
ภายในมีซากศพของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคเอดส์ ที่บริจาคเป็นวิทยาทานให้ทางวัดจัดแสดง เพื่อกระตุ้นเตือนต่อมรักสนุกของผู้ที่ยังมีลมหายใจ..ว่าเอดส์ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ไกลตัวเหมือนที่หลายคนคิด
ภาพแรกเป็นเด็กชายอายุเพียง 5 ขวบที่ติดเชื้อเอดส์จากแม่ส่วนใหญ่ผู้เป็นแม่จะตายก่อน เด็ก ๆ จะวิ่งเล่นในวัดได้นานหลายปี
ปัจจุบันเด็กเล็ก ๆ ที่ติดเชื้อเอดส์จากแม่จะถูกย้ายไปอยู่โครงการ 2 ที่อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี
ที่วัดไม่มีเด็กเล็ก ๆ วิ่งเล่นให้เห็นเหมือนก่อน..


เมื่อตอนที่ผมอายุ 5 ขวบ ผมจำความไม่ได้เด็กคนนี้จำแม่ของเขาเองได้หรือเปล่าคงไม่มีใครรู้
ถ้าเป็นสมัยก่อน เมื่อผู้เป็นแม่ใกล้เสียชีวิตหลวงพ่อจะไปจูงมือลูกมาเพื่อให้กราบเท้าแม่เป็นครั้งสุดท้ายเด็กหลายคนจะรีบกราบ ๆ ให้เสร็จเพื่อวิ่งออกไปเล่นต่อกับเพื่อน ๆ
ปล่อยให้ผู้เป็นแม่นอนน้ำตาไหลด้วยความห่วงใยในอนาคตข้างหน้าของลูกเหมือนคนที่เป็นแม่ทั่วไป..
เด็กหลายคนรู้เพียงว่าแม่ไปสวรรค์แล้วและอีกไม่นานเขาก็จะได้พบกับแม่ของเขาอีกครั้ง..


ร่างนี้เป็นร่างของสาวประเภท 2..
หน้าตา(เคย)ดี จากป้ายประวัติข้างตัวบอกว่าเป็นสาวบริการ..


คนนี้อดีตนักร้องสาวค่าเฟ่ และขายบริการเช่นกันป่านฉะนี้
ผู้ที่เคยใช้บริการกับเธอคงตามเธอไปเรียบร้อยแล้ว..

บริเวณห้องรับบริจาค..มีคนค่อนข้างมาก ผู้ติดเชื้อบางคนบอกว่า ถ้าวันไหนที่ห้องบริจาคมีผู้คนคับคั่ง.. จะเป็นอีกวันที่พวกเขามีความสุข
เขาไม่ได้สนใจในปริมาณเงินว่าจะมากน้อยขนาดไหนเพียงแต่เขารู้ว่า.. ผู้คนในสังคมยังไม่หลงลืมพวกเขา
แม้ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่เหลือญาติพี่น้องอีกแล้วแต่อย่างน้อยก็ยังมีใครบางคนที่แม้ไม่เคยรู้จัก แม้จะไม่ใช่ญาติ.. ยังคอยเป็นห่วง


ส่วนใหญ่ผมจะหยอดเงินใส่กล่องบริจาคที่วางอยู่ด้านหน้าห้องบริจาคภายในห้องมีไว้สำหรับออกใบอนุโมทนาบัตรสำหรับผู้ที่ต้องการหลักฐานเอกสาร


บริเวณกุฏิหลวงพ่อ วันนี้ผู้คนพลุกพล่านส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัว ที่นี่ถูกบรรจุเข้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรีเรียบร้อยแล้ว


หลวงพ่อกำลังต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่รู้จักเหนื่อยมีการแจกภาพถ่ายพร้อมลายเซนต์เป็นที่ระลึก..


ด้านหน้าอาคารผู้ป่วยระยะสุดท้าย..คนไข้บางคนยังพอมีเรี่ยวแรงก็สามารถออกมาเดินเล่นได้

ภายในอาคาร กลิ่นยาโชยเข้าจมูกหลายคนนอนหมดแรงอยู่บนเตียง
เจ้าหน้าที่มาบอกให้ผมสามารถถ่ายภาพภายในห้องได้แต่ผมยิ้มเขิน ๆ ไม่อยากเอากล้องไปจ่อถ่ายภาพพวกเขาไม่อยากให้คนป่วยรู้สึกว่าพวกเขาเป็นตัวประหลาด
ทำได้เพียงเดินดูบรรยากาศภายในห้องเท่านั้นเอง..

คงมีสถานพยาบาลของวัดพระบาทน้ำพุเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่มีโลงศพวางกองอยู่หลังห้องผู้ป่วย
วางท้าทายสายตาของผู้ป่วย และทุกคนก็มองเห็น ไม่มีใครมองว่าเป็นลางร้าย หรือบั่นทอนสุขภาพจิตของผู้ป่วย เพราะทุกคนไม่มีใครออกไปจากวัดแห่งนี้ได้ทั้ง ๆ ที่ยังมีลมหายใจ.. เขาอยู่ไปแต่ละวันเพื่อรอคอยวันตายเท่านั้นเอง


กองเถ้ากระดูกมนุษย์นับพันเพื่อรอคอยญาติมารับและมีไม่ถึง 1% ที่ถูกนำกลับบ้าน..
ลองหลับตาและจินตนาการเล่น ๆ..ถ้ากองกระดูกเหล่านี้กลายร่างเป็นคน.. บริเวณนี้คงแออัดยัดเยียด
บ้างก็คงนั่งกอดเข่า บ้างก็ยืนชะเง้อมองหาบุคคลอันเป็นที่รักบ้างก็คงร้องไห้จนน้ำตาเหือด.. ช่างเป็นการรอคอยที่ไร้จุดหมายจริง ๆ


วันนี้ฝนตก..ยามที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ จะได้กลิ่นอับจาง ๆ
อยากมีหูทิพย์..อยากฟังว่าพวกเขาจะมีเรื่องราวอะไรมาเล่าให้ฟังแต่ถ้าเป็นจริง.. หูของผมคงอื้ออึงจนฟังไม่รู้เรื่อง


บางส่วนถูกบดเป็นผง บรรจุลงกล่อง เพียงหวังว่าจะได้ง่ายและไม่อุดจาดตา ยามที่ญาตินำกลับบ้าน
แต่เมื่อความพยายามของทางวัดไร้ผลแม้จะอำนวยความสะดวกให้ปานใดก็ตาม แต่กองเถ้ากระดูกก็ไม่เคยลดน้อยลง..ไม่เคยมีใครมาแสดงความเป็นเจ้าของ
สุดท้ายความเพียรพยายามก็หมดแรง..ผมถามเจ้าหน้าที่ว่า แล้วอนาคตของกองกระดูกเหล่านี้จะเป็นอย่างไร
แกบอกว่า..ในอนาคตจะใช้เถ้ากระดูกพวกนี้ผสมปูนหล่อเป็นองค์หลวงพ่อเพื่อให้คนมากราบไหว้ไม่รู้แกพูดประชด.. หรือเป็นความตั้งใจจริง


ก่อนจะเดินจากมา..แกชี้มือให้ผมมองดูสองแม่ลูก ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของวัดแต่แกบอกว่า.. ผมเข้าใจผิด
แม่ลูกคู่นี้คือผู้ติดเชื้อรายล่าสุดที่ถูกนำมาทิ้งไว้ที่หน้าวัดเมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งสองคนกอดคอกันร้องไห้จนตาบวม แกบอกว่าเพียงเห็นใบหน้าที่ขาวซีดของผู้เป็นแม่เพียงแว้บเดียว แกก็รู้ว่าผู้เป็นแม่เข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้ว ส่วนลูกสาวตัวน้อยยังไม่มีใครรู้ว่าติดเชื้อจากผู้เป็นแม่หรือไม่
แกบอกให้ผมถ่ายภาพ..ผมจะอ้อมไปถ่ายที่ด้านหลังเพื่อไม่ให้มองเห็นหน้าชัดเกินไป แต่แกบอกว่าไม่จำเป็น..เพราะคุณจะไม่มีโอกาสได้เห็นผู้ป่วยที่นี่ออกไปใช้ชีวิตในสังคมภายนอก


วัดพระบาทน้ำพุคือแดนประหารทางสังคมไม่มีใครได้ออกไปจากวัด ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนถูกขับไล่ออกมาจากบ้าน จากครอบครัว จากสังคม..เป็นเพียงขยะมนุษย์ที่ไร้ค่าในสายตาของผู้คนภายนอก
แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีขอพรางหน้าเธอไว้หน่อยก็แล้วกันผมนั่งมองดูสองแม่ลูกอยู่เป็นนาน สำหรับผมวัดแห่งนี้เป็นแดนประหลาด
ถ้าเป็นนักโทษ ยังมีเวลาพ้นโทษ ยังมีโอกาสที่จะฝันถึงอนาคตถ้าเป็นคนป่วย ก็ยังมีวันหาย มีวันที่จะกลับออกไปใช้ชีวิตภายนอกท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น
แต่ที่นี่เหมือนเป็นอีกโลก.. อีกสังคมที่นี่ไม่มีอนาคต ไม่มีวิมานในอากาศที่สวยหรู และไร้ซึ่งความฝันมีแต่ความจริงของชีวิต..ว่าทุกคนกำลังจะตายไม่มีข้อยกเว้นว่าเด็กหรือผู้ใหญ่
จากอดีตอัตราการเสียชีวิตจะอยู่ที่ 3-5 รายต่อวันเผาศพจนเมรุแตกแต่ปัจจุบันด้วยเงินบริจาคที่มากพอจะหายาดี ๆ มาผู้ป่วยได้ใช้ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตลดลงเป็นเดือนละ 4-5 ราย
แต่ถ้าไม่มีรายได้จากการบริจาคของผู้ใจบุญและถ้าวัดแห่งนี้มีอันต้องปิดตัวลง ผู้ป่วยเหล่านี้จะไปอยู่ที่ไหน..ผมหันหน้าไปถามลุงสัปเหร่อ แกส่ายหน้าบอกไม่รู้เหมือนกันรู้แต่ว่างานของแกคงเพิ่มมากขึ้น อัตราการตายอาจกลับไปเหมือนยุคก่อน คงได้เห็นเมรุเผาศพต้องแตกอีกครั้ง..
แล้วเราสองคนก็นั่งกอดเข่ากันเงียบ ๆ ..มองดูเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งเล่นอย่างไม่รู้ประสาจะมีคนภายนอกสักกี่คนที่จะรู้ว่า..ภายในวัดพระบาทน้ำพุมีเรื่องเศร้ามากมายที่เล่าไม่รู้จบ..???
กด 1900 222 200 ทำบุญให้ วัดพระบาทน้ำพุ
กด 1 ครั้ง ทำบุญ 9 บาท
วัดพระบาทน้ำพุ..อ่อนแรง รายจ่าย 3.5 ล้าน/เดือน


No comments:

Blog Widget by LinkWithin