Friday 5 December 2008

Life Museum In Thailand (Part 2)




ซ า ก โดย ปูนิ่ม@ฉงเต๋อ.คอม ไม่มีอะไรมากครับ .... มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับกระทู้เศษมนุษย์ ซักเท่าไหร่หน่ะครับแต่กระทู้นี้มาเป็นตัวตัว (โอ๋วยยย ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ดูกันเองดีกว่าครับ)
จากวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี (ต้นเมษา 51)ใช่ครับวันนี้ผมเอารูปซาก มาให้ดูกัน (ซากศพนี่แหล่ะครับ) เจ้าของศพเค้าตั้งใจไว้ว่า ซากของเค้าจะได้เป็นอุทาหรณ์แก่หลายหลายท่าน แก่หลายหลายมุมมอง แก่หลายหลายแนวคิด กับหลายหลายชีวิต นะครับโผ๊ม(อ่อ ผมเคยเห็น FW mail มาเหมือนกันครับ แต่ไม่คิดว่าจะได้ไปเก็บภาพกับเจ้าตัวจริงจริงของเค้ากับมือหน่ะ)

ผมสังเกตุเห็นศพทุกศพแม้จะแห้งเห็นกระดูกก็ตามเถอะครับ แต่ก็ยังมีน้ำหรือของเหลวอะไรซักอย่างที่ดูเหมือนจะนองอยู่ปลายเท้า ของทุกศพเลยครับ


พวกเค้าต้องเสียชีวิตเพราะ เชื้อ HIV หรือเสียชีวิตเพราะภัยตัวเอง กันน่ะ (แต่ก็ไม่เสมอไปครับ .... เพราะบางรายก็ติดโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็มี)


ผมยืนสังเกตุอยู่นานครับ พบว่า .... ท่านผู้นี้ มีรอยสักอยู่เต็มลำตัวเลย สักกันคมหอกคมดาบ สักกันของเข้าตัว สักกันกระสุน ไม่น่าเชื่อน่ะครับ ว่าในที่สุดก็ต้องมาเสียชีวิตเพราะ เชื้อโรคตัวเล็กเล็ก (ก็การสักไม่ได้กัน HIV นี่ครับผม อื่ม)



กรณีท่านผู้นี้ ก็สักเหมือนกันเนาะ (อื่ม ยังมีเค้าโครงหน้าตาอยู่ครับ)


ผู้หญิงคนนี้ เธอยังมีหน้าอกเป็นวงกลมอยู่ด้วยหน่ะครับ ผมก็เลยเพ่งดู หน่อยนึ่ง เข้าใจได้ว่า นั่นคือร่องรอยของซิลิโคนครับ
(เห้ออออ ..... เอาไปด้วยไม่ได้จริงจริงครับ)



กรณีเดียวกันเลยขอรับ (หื้อ .... น่าเห็นใจ)


ผู้หญิงคนนี้เธอติดจากสามีครับ ... ให้เห็นว่า การรักเดียวใจเดียว เพียงฝ่ายเดียว ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตปลอดภัยอะไรเลย (เน่อะ)



ศพนี้ก็น่าเศร้าครับ ....แม้ว่าเธอไม่มีชีวิตแล้ว แต่ยังพบเชื้อที่ยังคงกัดกินศพ (มันยังขึ้นขาวเป็นแถบแถบ อยู่เลยครับ)
ถ่ายเสร็จ ซูมเสร็จ ถึงได้รู้สึกว่า .... นี่เราจะติดละอองเชื้อรากะเค๊าด้วยไหม๊เนี๊ยะ (หวั่นใจไม่น้อย ... แต่เก็บเงียบ)



((อ๊ากกกกกก !!!!!))


ผู้ชายคนนี้เป็นภิกษุ ครับ ผมก็เลยพูดอะไรไม่ออกเลย ... กึ่มกึ่ม ขึ้นมาทันที



ส่วนตัวผมแล้ว ผู้ชายคนนี้น่ากลัวสุดครับ (แต่ยังคงเก็บเงียบอยู่ไม่แสดงความหวั่นไหวใดใด ฮ่า)
เพราะ ..... เค้าคงเป็นศพล่าสุดหน่ะครับ ดูแล้วยังมีเนื้อมีหนังอะไรอะไร เยอะกว่าศพอื่นอื่นหน่ะครับ ดูเค๊ายิ้มให้กล้องซิครับ ... (เห่อะเห่อะ ที่บ้านเรียก "หลอน")


และนี่ครับ โลงศพ ไม่ได้มีไว้ใส่แค่คนแก่เน่อะ ไม่รุเรื่องไม่รุราวก็ยังถูก HIV เล่นงานหน่ะ



มีน้องผู้หญิงด้วยครับ



มีอยู่ศพหนึ่งครับ ไม่ทราบเหมียนกันครับว่า ... ทำไมถึงต้องใส่โลงหน่ะครับ โลงใสใส แต่ศพนี้ทำผมหลอนครับ ไม่รู้ทำไมฮ่า (จุจุจุ ... แบบว่าข่มเอาไว้หน่ะครับ)


สงสัยเพราะเหมือนเค้านอนอยู่หน่ะครับ และส่วนหัว (กะโหลก) ดูเหมือนคนนอนเฉยเฉย ไม่แห้งเหมือนศพส่วนใหญ่มั้งครับ




ใช่ครับผม ... ไม่มีผู้เกิด จะมีผู้ตายได้อย่างไร (เราจึงโชคดีหนักหนาแล้ว ที่ได้รู้และหยุดการเกิดตายไว้ ณ ชาติภพนี้)




Related Post:
Life Museum In Thailand (Part 1)


No comments:

Blog Widget by LinkWithin